ถ้าคนถอยห่างเวลาคุณคุยด้วย หรือบอกตรงๆ
ว่าคุณมีกลิ่นปาก สาเหตุที่เด่นชัดคือคุณเพิ่งกินอาหารที่เต็มไปด้วยหัวหอม
กระเทียม หรือสะตอเข้าไป แต่ยังมีสาเหตุที่เป็นไปได้อีกหลายอย่าง เช่น สูบบุหรี่
หรือแปรงฟันน้อยเกินไป สาเหตุอื่นคือ โรคเหงือก ถ้าคุณมีฟันผุหรือเป็นไซนัส
ก็มักมีอาการข้างเคียงคือมีกลิ่นปาก สาเหตุที่เป็นไปได้ยังมีอีก เช่น ยาบางชนิด
การปล่อยให้ปากแห้งเป็นเวลานาน หรือการดื่มกาแฟมากเกินไป เป็นต้น
มาตรการฉุกเฉิน
o
ปากที่แห้งเป็นสวรรค์ของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นปาก
จึงควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า เพราะน้ำจะกำจัดแบคทีเรียให้หลุดออกและช่วยให้ลมหายใจมีกลิ่นดีขึ้นบ้าง
o
ไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงทางธุรกิจหรือมือเย็นแสนโรแมนติก
ให้จิ้มผักชีที่เหลือในจานมาเคี้ยว
ผักชีอุดมด้วยคลอโรฟิลซึ่งมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียจึงช่วยลดกลิ่นปากได้
o
กินส้มสักลูก
กรดซิตริกในส้มจะกระตุ้นต่อมน้ำลายให้หลังน้ำลายออกมา ทำให้ลมหายใจสดชื่นขึ้น
o
ถ้าไม่มีส้มก็กินอาหารที่มีอยู่
ยกเว้นอาหารที่ทำให้มีกลิ่นปาก เช่น กระเทียม หัวหอม หรือสะตอ
การกินอาหารจะกระตุ้นให้มีน้ำลายในปาก
และขจัดสิ่งที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ซึ่งติดค้างอยู่บนลิ้น
o
งอลิ้นมาขูดกับฟันบน
ลิ้นมีแบคทีเรียซึ่งทำให้โปรตีนบูดเคลือบอยู่ จึงเกิดแก๊สมีกลิ่นเหม็น
การขูดลิ้นทำให้แบคทีเรียหลุดออก จากนั้นก็บ้วนปากด้วยน้ำเปล่า
o
ถ้ามีโลหะหรือช้อนอยู่ใกล้มือก็นำมาใช้ขูดลิ้นได้
การขูดลิ้นอย่างปลอดภัย ให้วางช้อนบนลิ้นด้านบนแล้วลากช้อนออกมาด้านหน้า ขูด 4-5 ครั้ง จากนั้น ขูดข้างลิ้นด้วยวิธีการเดียวกัน
แต่ระวังอย่าวางช้อนให้ลึกเข้าในปากเกินไป
เพราะอาจทำให้รู้สึกขย้อนอยากจะอาเจียนได้
ดับกลิ่นด้วยเครื่องเทศ
o
กานพลูกมีสารยูจินอล (eugenol)
ซึ่งมีฤทธิ์ขจัดแบคทีเรีย หยิบกานพลูสักดอกเข้าปากแล้วเคี้ยว
น้ำมันหอมระเหยในกานพลูกจะระเหยออกมา
เคี้ยวจนกระทั่งน้ำมันหอมระเหยแผ่ซ่านในปากแล้วจึงคายทิ้ง ห้ามใช้น้ำมันกานพลู
หรือดอกกานพลูบดแห้งเนื่องจากจะแรงเกินไป ปากอาจจะไหม้ได้
o
เคี้ยวเมล็ดเฟนเนล (fennel) เมล็ดดิลล์ (dill)
หรือเมล็ดผักชีซึ่งมีรสคล้ายชะเอม เมล็ดผักชีจะฆ่าแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่บนลิ้น
ส่วนเมล็ดเฟนเนลและดิลล์จะช่วยปกปิดกลิ่นปากได้ดี
o
ดูดอบเชยสักชิ้น
อบเชยมีฤทธิ์ขจัดแบคทีเรียเช่นเดียวกับกานพลู
เลือกน้ำยาบ้วนปากให้เหมาะ
o
น้ำยาบ้วนปากส่วนใหญ่โฆษณาว่าช่วยให้ปากหอมสดชื่น
แต่มีน้อยมากที่จะได้ผลดีในระยะยาว แต่ดูเหมือนว่าน้ำยาบ้วนปากผสมคลอรีนไดอ๊อกไซด์
(chlorine
dioxine) เช่น Eliminator Mouthwash
(ซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ต)
สามารถขจัดสารประกอบซัลเฟอร์ที่ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็นได้
o
ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของน้ำมันทีทรี
(tea
tree oil) ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติ
ถ้าคุณหายาสีฟันชนิดนี้ไม่ได้ตามร้านขายยา
ให้ลองมองหาตามร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
ตัดไปตั้งแต่ต้นลม
o
ใช้เครื่องฉีดน้ำในปาก
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ฉีดละอองน้ำเข้าไปในปากเพื่อชำระล้างแบคทีเรียที่ติดค้าง
จึงล้างแบคทีเรียได้ลึกกว่าการใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงสีฟัน
o
พกแปรงสีฟันติดตัวและแปรงฟันหลังอาหารทุกมือ
การแปรงฟันช่วยยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ที่เคลือบเหงือกและฟัน
แต่ไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังจากกินอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น
เครื่องดื่มโคล่าหรือผลไม้รสเปรี้ยว เพราะจะไปทำให้เคลือบฟันเสียหายได้ ในกรณีนี้
ควรแปรงฟันหลังจากกินอาหาร 1 ชั่วโมง
o
พกหมากฝรั่งติดกระเป๋าไว้
การเคี้ยวหมากฝรั่ง
โดยเฉพาะหลังจากมื้ออาหารช่วยกระตุ้นให้เกิดน้ำลายมาชำระเศษอาหารตกค้างในปาก
o
วิธีเก็บแปรงสีฟันให้ปลอดแบคทีเรีย
คือ เก็บเอาด้านแปรงลงแช่ในกล่องพลาสติกมีฝาปิด ภายในบรรจุไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen
peroxide) เมื่อจะใช้ ต้องล้างแปรงให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
o
ถ้าคุณใส่ฟันปลอม
ฟันปลอมอาจเป็นตัวสะสมกลิ่นไม่ดีในปาก
ในตอนกลางคืนให้แช่ฟันปลอมไว้ในน้ำยาฆ่าเชื้อเสมอ เว้นแต่ทันตแพทย์ของคุณระบุให้เก็บฟันปลอมด้วยวิธีอื่น
o
อย่าอดอาหาร
เวลาที่คุณปล่อยให้ท้องว่างนานๆ ปากคุณจะแห้งมากกลายเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรีย
o
ถึงแม้ไม่มีปัญหาเรื่องแบคทีเรียคุณก็อาจมีกลิ่นปากได้
สาเหตุอาจมาจากการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า กินหัวหอม กระเทียม และโดยเฉพาะชีสกลิ่นแรง
เช่น กามองแบร์ หรือรอคฟอร์ต และบลูชีส หากคุณต้องการให้ลมหายใจมีกลิ่นหอม
ก็ให้ยึดหลักปฏิเสธเด็ดขาด คือ ไม่สูบ ไม่ดื่ม และไม่กินอาหารที่ทำให้ปากเหม็น
o
ปรึกษาแพทย์ว่ามีตัวยาใดที่ทำให้ปากคุณมีกลิ่นเหม็นหรือไม่
ให้สงสัยยาที่ทำให้ปากแห้งและไม่มีน้ำลายในปากไว้ก่อน
ซึ่งในจำนวนนี้มียาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น ยาต้านฮิสตามีน ยาลดน้ำมูก
ยาลดน้ำหนัก รวมทั้งยาที่แพทย์สั่งเพื่อรักษาอาการซึมเศร้า
รักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์ และยาลดความดันเลือด
ข้อควรระวัง
หลายคนเข้าใจผิดว่าน้ำยาบ้วนปากรสมินท์หรือลูกอมรสมินต์ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น
ที่จริงน้ำยาบ้วนปากส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงทำให้ในปากมีน้ำลายน้อย
ซึ่งยิ่งทำให้ปากคุณมีกลิ่นแย่กว่าเดิม แม้กลิ่นของลูกอมรสมินต์จะช่วยได้ชั่วคราว
แต่ที่จริงแล้วน้ำตาลในลูกอมจะยิ่งทำให้แบคทีเรียเติบโตมากขึ้น
เมื่อใดควรพบแพทย์
คนปกติอาจมีกลิ่นปากบ้างเป็นครั้งคราว
ซึ่งการรักษาความสะอาดในช่องปากจะช่วยขจัดกลิ่นปากได้ แต่ถ้ากลิ่นปากไม่หายไปภายใน
24 ชั่วโมง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีโรคเหงือก
มึปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร หรือโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่า
ถ้าคุณแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันสม่ำเสมอแล้ว แต่กลิ่นปากยังมีอยู่
ก็ควรไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์ ถ้าลมหายใจมีกลิ่นหวานหรือกลิ่นผลไม้ ก็ควรไปพบแพทย์
เช่นกัน เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าคุณเป็นโรคเบาหวาน
ทดสอบกลิ่นปากได้อย่างไร
การทดสอบวิธีหนึ่งคือ
ดมไหมขัดฟันที่คุณเพิ่งใช้เสร็จ
แต่ต้องใช้ไหมชนิดไม่เคลือบแวกซ์และไม่มีรสชาติเท่านั้น หรืออีกวิธีคือ
ใช้ผ้าขนหนูถูลิ้นแล้วลองดมดู ถ้าคุณกังวลว่าอาจมีกลิ่นปาก ให้ลองคุยกับทันตแพทย์
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดในช่องปาก
และตรวจดุว่ามีสาเหตุมาจากโรคเหงือกหรือการทำความสะอาดในช่องปากไม่เพียงพอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น