วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กลิ่นปาก

โรคและอาการ

        ถ้าคนถอยห่างเวลาคุณคุยด้วย หรือบอกตรงๆ ว่าคุณมีกลิ่นปาก สาเหตุที่เด่นชัดคือคุณเพิ่งกินอาหารที่เต็มไปด้วยหัวหอม กระเทียม หรือสะตอเข้าไป แต่ยังมีสาเหตุที่เป็นไปได้อีกหลายอย่าง เช่น สูบบุหรี่ หรือแปรงฟันน้อยเกินไป สาเหตุอื่นคือ โรคเหงือก ถ้าคุณมีฟันผุหรือเป็นไซนัส ก็มักมีอาการข้างเคียงคือมีกลิ่นปาก สาเหตุที่เป็นไปได้ยังมีอีก เช่น ยาบางชนิด การปล่อยให้ปากแห้งเป็นเวลานาน หรือการดื่มกาแฟมากเกินไป เป็นต้น

มาตรการฉุกเฉิน
o   ปากที่แห้งเป็นสวรรค์ของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นปาก จึงควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า เพราะน้ำจะกำจัดแบคทีเรียให้หลุดออกและช่วยให้ลมหายใจมีกลิ่นดีขึ้นบ้าง
o   ไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงทางธุรกิจหรือมือเย็นแสนโรแมนติก ให้จิ้มผักชีที่เหลือในจานมาเคี้ยว ผักชีอุดมด้วยคลอโรฟิลซึ่งมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียจึงช่วยลดกลิ่นปากได้
o   กินส้มสักลูก กรดซิตริกในส้มจะกระตุ้นต่อมน้ำลายให้หลังน้ำลายออกมา ทำให้ลมหายใจสดชื่นขึ้น
o   ถ้าไม่มีส้มก็กินอาหารที่มีอยู่ ยกเว้นอาหารที่ทำให้มีกลิ่นปาก เช่น กระเทียม หัวหอม หรือสะตอ การกินอาหารจะกระตุ้นให้มีน้ำลายในปาก และขจัดสิ่งที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ซึ่งติดค้างอยู่บนลิ้น
o   งอลิ้นมาขูดกับฟันบน ลิ้นมีแบคทีเรียซึ่งทำให้โปรตีนบูดเคลือบอยู่ จึงเกิดแก๊สมีกลิ่นเหม็น การขูดลิ้นทำให้แบคทีเรียหลุดออก จากนั้นก็บ้วนปากด้วยน้ำเปล่า
o   ถ้ามีโลหะหรือช้อนอยู่ใกล้มือก็นำมาใช้ขูดลิ้นได้ การขูดลิ้นอย่างปลอดภัย ให้วางช้อนบนลิ้นด้านบนแล้วลากช้อนออกมาด้านหน้า ขูด 4-5 ครั้ง จากนั้น ขูดข้างลิ้นด้วยวิธีการเดียวกัน แต่ระวังอย่าวางช้อนให้ลึกเข้าในปากเกินไป เพราะอาจทำให้รู้สึกขย้อนอยากจะอาเจียนได้

ดับกลิ่นด้วยเครื่องเทศ
o   กานพลูกมีสารยูจินอล (eugenol) ซึ่งมีฤทธิ์ขจัดแบคทีเรีย หยิบกานพลูสักดอกเข้าปากแล้วเคี้ยว น้ำมันหอมระเหยในกานพลูกจะระเหยออกมา เคี้ยวจนกระทั่งน้ำมันหอมระเหยแผ่ซ่านในปากแล้วจึงคายทิ้ง ห้ามใช้น้ำมันกานพลู หรือดอกกานพลูบดแห้งเนื่องจากจะแรงเกินไป ปากอาจจะไหม้ได้
o   เคี้ยวเมล็ดเฟนเนล (fennel) เมล็ดดิลล์ (dill) หรือเมล็ดผักชีซึ่งมีรสคล้ายชะเอม เมล็ดผักชีจะฆ่าแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่บนลิ้น ส่วนเมล็ดเฟนเนลและดิลล์จะช่วยปกปิดกลิ่นปากได้ดี
o   ดูดอบเชยสักชิ้น อบเชยมีฤทธิ์ขจัดแบคทีเรียเช่นเดียวกับกานพลู

เลือกน้ำยาบ้วนปากให้เหมาะ
o   น้ำยาบ้วนปากส่วนใหญ่โฆษณาว่าช่วยให้ปากหอมสดชื่น แต่มีน้อยมากที่จะได้ผลดีในระยะยาว แต่ดูเหมือนว่าน้ำยาบ้วนปากผสมคลอรีนไดอ๊อกไซด์ (chlorine dioxine) เช่น Eliminator Mouthwash (ซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ต) สามารถขจัดสารประกอบซัลเฟอร์ที่ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็นได้
o   ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของน้ำมันทีทรี (tea tree oil) ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติ ถ้าคุณหายาสีฟันชนิดนี้ไม่ได้ตามร้านขายยา ให้ลองมองหาตามร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

ตัดไปตั้งแต่ต้นลม
o   ใช้เครื่องฉีดน้ำในปาก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ฉีดละอองน้ำเข้าไปในปากเพื่อชำระล้างแบคทีเรียที่ติดค้าง จึงล้างแบคทีเรียได้ลึกกว่าการใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงสีฟัน
o   พกแปรงสีฟันติดตัวและแปรงฟันหลังอาหารทุกมือ การแปรงฟันช่วยยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ที่เคลือบเหงือกและฟัน แต่ไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังจากกินอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น เครื่องดื่มโคล่าหรือผลไม้รสเปรี้ยว เพราะจะไปทำให้เคลือบฟันเสียหายได้ ในกรณีนี้ ควรแปรงฟันหลังจากกินอาหาร 1 ชั่วโมง
o   พกหมากฝรั่งติดกระเป๋าไว้ การเคี้ยวหมากฝรั่ง โดยเฉพาะหลังจากมื้ออาหารช่วยกระตุ้นให้เกิดน้ำลายมาชำระเศษอาหารตกค้างในปาก
o   วิธีเก็บแปรงสีฟันให้ปลอดแบคทีเรีย คือ เก็บเอาด้านแปรงลงแช่ในกล่องพลาสติกมีฝาปิด ภายในบรรจุไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) เมื่อจะใช้ ต้องล้างแปรงให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
o   ถ้าคุณใส่ฟันปลอม ฟันปลอมอาจเป็นตัวสะสมกลิ่นไม่ดีในปาก ในตอนกลางคืนให้แช่ฟันปลอมไว้ในน้ำยาฆ่าเชื้อเสมอ เว้นแต่ทันตแพทย์ของคุณระบุให้เก็บฟันปลอมด้วยวิธีอื่น
o   อย่าอดอาหาร เวลาที่คุณปล่อยให้ท้องว่างนานๆ ปากคุณจะแห้งมากกลายเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรีย
o   ถึงแม้ไม่มีปัญหาเรื่องแบคทีเรียคุณก็อาจมีกลิ่นปากได้ สาเหตุอาจมาจากการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า กินหัวหอม กระเทียม และโดยเฉพาะชีสกลิ่นแรง เช่น กามองแบร์ หรือรอคฟอร์ต และบลูชีส หากคุณต้องการให้ลมหายใจมีกลิ่นหอม ก็ให้ยึดหลักปฏิเสธเด็ดขาด คือ ไม่สูบ ไม่ดื่ม และไม่กินอาหารที่ทำให้ปากเหม็น
o   ปรึกษาแพทย์ว่ามีตัวยาใดที่ทำให้ปากคุณมีกลิ่นเหม็นหรือไม่ ให้สงสัยยาที่ทำให้ปากแห้งและไม่มีน้ำลายในปากไว้ก่อน ซึ่งในจำนวนนี้มียาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น ยาต้านฮิสตามีน ยาลดน้ำมูก ยาลดน้ำหนัก รวมทั้งยาที่แพทย์สั่งเพื่อรักษาอาการซึมเศร้า รักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์ และยาลดความดันเลือด

ข้อควรระวัง
        หลายคนเข้าใจผิดว่าน้ำยาบ้วนปากรสมินท์หรือลูกอมรสมินต์ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น ที่จริงน้ำยาบ้วนปากส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงทำให้ในปากมีน้ำลายน้อย ซึ่งยิ่งทำให้ปากคุณมีกลิ่นแย่กว่าเดิม แม้กลิ่นของลูกอมรสมินต์จะช่วยได้ชั่วคราว แต่ที่จริงแล้วน้ำตาลในลูกอมจะยิ่งทำให้แบคทีเรียเติบโตมากขึ้น

เมื่อใดควรพบแพทย์
        คนปกติอาจมีกลิ่นปากบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งการรักษาความสะอาดในช่องปากจะช่วยขจัดกลิ่นปากได้ แต่ถ้ากลิ่นปากไม่หายไปภายใน 24 ชั่วโมง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีโรคเหงือก มึปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร หรือโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่า ถ้าคุณแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันสม่ำเสมอแล้ว แต่กลิ่นปากยังมีอยู่ ก็ควรไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์ ถ้าลมหายใจมีกลิ่นหวานหรือกลิ่นผลไม้ ก็ควรไปพบแพทย์ เช่นกัน เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าคุณเป็นโรคเบาหวาน

ทดสอบกลิ่นปากได้อย่างไร
        การทดสอบวิธีหนึ่งคือ ดมไหมขัดฟันที่คุณเพิ่งใช้เสร็จ แต่ต้องใช้ไหมชนิดไม่เคลือบแวกซ์และไม่มีรสชาติเท่านั้น หรืออีกวิธีคือ ใช้ผ้าขนหนูถูลิ้นแล้วลองดมดู ถ้าคุณกังวลว่าอาจมีกลิ่นปาก ให้ลองคุยกับทันตแพทย์ ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดในช่องปาก และตรวจดุว่ามีสาเหตุมาจากโรคเหงือกหรือการทำความสะอาดในช่องปากไม่เพียงพอ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น