วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

โรคและอาการ
        อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่เกิดจากแรงดันเมื่อคุณหัวเรา จาม ไอ หรือออกแรงยกของหนัก ทำให้ปัสสาวะเล็ดหรือซึมออกมา อีกชนิดเกิดเมื่อปวดปัสสาวะแต่เข้าห้องน้ำไม่ทันทุกครั้ง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่มักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะการคลอดลูกทำให้โครงสร้างส่วนที่ช่วยกักปัสสาวะและประสาทส่วนที่สั่งให้คอกระเพาะปัสสาวะหดตัวได้รับความเสียหาย สำหรับผู้ชายอาการนี้มักเกิดจากต่อมลูกหมากโต ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ การกินยาคลายกล้ามเนื้อ ติดเชื้อในท่อปัสสาวะ โรคพาร์คินสันและโรคมัลติเปิลสเคลอโรซิส (multiple sclerosis)

เลียนแบบจิ้งหรีด
        ถ้าจู่ๆ ก็รู้สึกปวดปัสสาวะ รีบนั่งลงแ้ล้วใช้ข้อเท้าขวาถูหน้าแข้งซ้ายขึ้นลง (หรือสลับข้าง) โดยใช้น้ำหนักที่สม่ำเสมอ การถูขาเช่นนี้ช่วยยับยั้งการหดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะ โดยจะไปเพิ่มแรงกดดันบนเส้นประสาทเดอร์มาโทม แอล 5 (dermatome L5) ที่ทำให้ปวดปัสสาวะ

เรียนรู้วิธีบริหาร

  • บริหารกล้ามเนื้อตามวิธีของคีเกล เป็นประจำเพื่อให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่รองรับกระเพาะปัสสาวะแข็งแรงขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าเป็นกล้ามเนื้อส่วนใด ให้หยุดชั่วขณะเมื่อคุณกำลังปัสสาวะอยู่ กล้ามเนื้อที่ควบคุมอาการดังกล่าว คือ ส่วนที่คุณต้องการบริหารให้แข็งแรงขึ้นนั่นเอง
    (ขอให้ทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียว เมื่อต้องการรู้ตำแหน่ง การขมิบกล้ามเนื้อบ่อยๆ ขณะปัสสาวะไม่เป็นผลดีกับกระเพาะปัสสาวะ)
  • ขมิบกล้ามเนื้อครั้งละ 1-2 วินาทีแล้วปล่อย ทำซ้ำ 10 ครั้ง วันละ 4-5 รอบ เนื่องจาากเป็นการบริหารกล้ามเนื้อภายใน คุณจึงทำได้ทุกที่ทุกเวลา
  • เมื่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น เริ่มกลั้นปัสสาวะจาก 5 วินาทีก่อน แล้วค่อยๆ เิพิ่มเวลาจนได้นาน 15 วินาที
  • ถ้ารู้สึกว่ากำลังจะหัวเราะ ไอ จาม หรืออะไรก็ตามที่จะเพิ่มแรงดันให้กระเพาะปัสสาวะ ให้รีบขมิบกล้ามเนื้อทันทีเพื่อป้องกัน "อุบัติเหตุ" ไว้ก่อน

ควบคุมเครื่องดื่ม

  • ถ้าคุณมีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ควรลดเครื่องดื่มคาเฟอีนหรือไม่ก็งดไปเลย คาเฟอีนซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจะทำให้ร่างกายผลิตปัสสาวะมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหดตัว ส่งผลให้เกิดเหตุสุดวิสัยได้ ในแต่ละวันอย่ากินคาเฟอีนเกิน 200 มก. ซึ่งต่ำกว่าปริมาณที่มีในกาแฟ 2 แ้ก้วเล็กน้อย
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่่งทำให้ร่างกายผลิตปัสสาวะมากขึ้น อย่าดื่มเบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มผสมเกิน 1 แก้วในแต่ละวัน
  • อย่างดดื่มน้ำเพียงเพื่อจะให้ปัสสาวะน้อยลง เพราะคุณอาจมีอาการขาดน้ำและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะและเกิดนิ่วในไต ในแต่ละวันควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว (ขนาด 250 มล.)

เลี่ยงสารระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ

  • ลองงดอาหารจำพวกสตอรว์เบอรี่ และผักโขม และสังเกตดูว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดหรือไม่ เพราะอาหารเหล่านี้มีออกซาเลต (oxalate) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ก่อความระคายเคืองแก่กระเพาะปัสสาวะ
  • เลี่ยงน้ำตาลเทียมและสีสังเคราะห์ผสมอาหาร ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะเช่นกัน

ทำเป็นกิจวัตร

  • ถ้าคุณมีปัญหาในการวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทัน ให้ปัสสาวะทุก 3 ชั่วโมง ไม่ว่าจำเป็นหรือไม่ก็ตาม ตั้งเวลาที่นาิฬิกาไว้เพื่อเตือน บางคนอาจไม่ปัสสาวะเป็นเวลานานเกินไปและไม่ตระหนักว่ากระเพาะปัสสาวะของตัวเองเต็มแล้ว การปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาการเข้าห้องน้ำไม่ทันได้
  • แต่ถ้าคุณรอถึง 3 ชั่วโมงไม่ได้ ให้เข้าห้องน้ำทุกๆ ต้นชั่วโมงแทน และทุกๆ 2-3 วัน ให้ยืดเวลาออกไปสัก 2-3 นาทีก่อนจะเข้าห้องน้ำ จนในที่สุดคุณสามารถรอได้ 3 ชั่วโมงก่อนเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง

ใช้เวลาให้นานขึ้น

  • เมื่ออยู่ในห้องน้ำ อย่ารีบร้อนปัสสาวะจนหมด ในกรณีของผู้หญิง ให้นั่งไปเรื่อยๆ จนคุณรู้สึกว่าปัสสาวะหมดแล้วจริงๆ จากนั้นนั่งต่อไปอีกสักครู หรือยืนขึ้นแล้วนั่งลงไปใหม่ ซึ่งจะทำให้กระเพาะปัสสาวะหดตัวไล่ของเหลวที่ยังคั่งค้างอยู่ออกไป ส่วนกรณีของผู้ชายถ้าคุณยืนตามสบายและใจเย็นๆ ก็จะปัสสาวะออกไปได้จนหมด บางคนเห็นว่าการนั่งบนโถส้วมจะง่ายกว่า อย่างไรก็ตามใช้เวลาในห้องน้ำให้นานขึ้นอีกนิดเพื่อให้แน่มจว่าระบายน้ำออกจากกระเพาะปัสสาวะของคุณหมดแล้ว จะช่วยป้องกันเหตุสุดวิสัย

สำหรับคุณผู้หญิง

  • ถ้าคุณมีอาการปัสสาวะเล็ดเนื่องจากแรงดัน ให้ใส่ผ้าอนามัยแบบสอดในช่องคลอด ซึ่งจะช่วยกดปลายท่อปัสสาวะให้ปิดอยู่ ควรหยดน้ำให้เปียกสักเล็กน้อยเพื่อให้สอดใส่ง่ายขึ้น แต่ต้องถอดผ้าอนามัยออกก่อนเข้านอน และใส่เฉพาะเมื่อทำกิจกรรมที่อาจทำให้ปัสสาวะเล็ดเท่านั้น เช่น ใส่ไว้ขณะออกกำลังกาย
  • ในสหรัฐฯ มีการใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า "เครื่องบริหารอุ้งเชิงกราน" ซึ่งใช้น้ำหนักในการบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอด ทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดต้องเกร็งตัวเพื่อแบกรับน้ำหนักให้อยู่กับที่ และส่งผลให้กล้ามเนื้อช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น

ออกกำลังบ้าง

  • น้ำหนักตัวที่มากเกินจะเพิ่มแรงดันให้กับกระเพาะปัสสาวะ การออกกำลังจะช่วยขจัดน้ำหนักส่วนเกินไปได้ แต่คุณต้องระวังเรื่องอาหารการกินด้วย

เมื่อใดควรพบแพทย์
        ถ้าปัสสาวะมีเลือดปนหรือมีสีขุ่น หรือรู้สึกเจ็บ ปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ ควรพบแพทย์ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณการติดเชื้อแบคทีเรีย นิ่วในไต หรือมีเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ ถ้าอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้คุณใช้ชีวิตตามปกติได้ลำบาก หรือสงสัยว่าเกิดจากยาชนิดใดชนิดหนึ่งที่คุณกินก็ควรปรึกษาแพทย์

รู้หรือไม่
        แพทย์บางคนใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์รักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ โดยสารโบท็อกซ์ (botulinum toxin type A ได้จากแบคทีเรียคลอสตริเดียม) จะยับยั้งการสื่อสารระหว่างประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะหยุดชะงัก และไม่สามารถปลอดปล่อยปัสสาวะได้เองโดยที่คุณไม่ตั้งใจ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น