·โรคและอาการ
เมื่อมีอาการเจ็บคอ
คุณจะรู้สึกแสบร้อน ระคายเคืองในลำคอ ทำให้พูดหรือกลืนอาหารลำบาก
เมื่อส่องดูในลำคอจะเห็นว่าเป็นสีแดงหรืออาจมีจุดสีขาวหรือเหลือง
ตามปกติอาการเจ็บคอมักเกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรีย ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัส (หวัด
ไข้หวัดใหญ่) มักค่อยๆ เป็นโดยไม่มีไข้ แต่ถ้าเกิดจากแบคทีเรีย (เช่น
การติดเชื้อสเตร็ปโตคอกคัส) มักเกิดขึ้นทันทีพร้อมมีอาการคอบวมและมีไข้
ถ้าคอระคายเคืองจากควันบุหรี่ อากาศแห้งการกลืนน้ำมูก หรืออาการแพ้
ก็มักทำให้เกิดอาการเจ็บคอด้วยเหมือนกัน
กลั้วคอด้วยสมุนไพร
o
ไม่มีวิธีใดที่จะใช้ได้ผลดีและเห็นผลเร็วกว่าวิธีแบบดั้งเดิมคือ
การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ
เกลือมีฤทธิ์เป็นย่าฆ่าเชื้ออย่างอ่อนและดึงน้ำออกจากเยื่อเมือกในลำคอด้วย
ดังนั้นจึงช่วยขจัดเสมหะได้ วิธีคือ ใช้เกลือ ½ ช้อนชา
ผสมในน้ำอุ่น 1 แก้ว (ใช้น้ำอุ่นที่สุดเท่าที่คุณทนได้)
จากนั้นนำมากลั้วคอแล้วบ้วนทิ้ง กลั้วคอซ้ำทุกๆ 1 ชั่วโมง
แล้วอาการจะดีขึ้น
o
สำหรับน้ำยากลั้วคอที่อาจมีรสชาติเผ็ดร้อนขึ้นมาหน่อย
คุณอาจเหยาะซอสทาบาสโกหรือซอสพริกชนิดเผ็ดมากลงไปด้วย
โดยใช้
10-20 หยด ผสมในน้ำอุ่น 1 แก้ว
ในซอสทาบาสโกและซอสพริกมีแคปเซอิซิน (capsaicin)
ซึ่งเป็นสารให้รสชาติเผ็ดร้อนในพริก สารนี้มีสรรพคุณต้านไวรัส
จึงช่วยให้อาการเจ็บคอเพราะติดเชื้อไวรัสดีขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ใช้กลั้วคอเท่านั้นอย่ากลืนลงไปเป็นอันขาดเพราะอาจทำให้ปวดท้องได้
o
อีกวิธีหนึ่งก็คือใช้น้ำผสมเบคกิ้งโซดา (bicarbornate of soda) ใช้เบคกิ้งโซดา ½ ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว น้ำเบคกิ้งโซดายังรักษาอาการอักเสบในคอได้ด้วย
พลังบำบัดของน้ำผึ้ง
o
มีการใช้น้ำผึ้งรักษาอาการเจ็บคอมานานแล้ว
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการเยียวยาร่างกาย
นอกจากนี้ยังช่วยดึงน้ำออกจากเนื้อเยื่อที่อักเสบ
ดังนั้นมันจึงช่วยลดอาการบวดและเจ็บคอได้ นอกจากใช้น้ำผึ้งอย่างเดียวแล้ว
อาจเติมน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนชาเข้าไปในน้ำร้อนหรือชาสมุนไพร
1 แก้ว
o
น้ำผึ้งผสมมะนาวก็เป็นส่วนผสมที่ดีทั้งช่วยเคลือบลำคอและบรรเทาอาการเจ็บคอด้วย
วิธีใช้คือ ใช้น้ำคั้นจากมะนาวสดผสมกับน้ำร้อน และเติมน้ำผึ้งลงไปด้วย 2 ช้อนชา คุณอาจเติมวิสกี้ หรือบรั่นดี หรือเหล้าพอร์ตลงไปด้วยสัก 2 ช้อนชา เพื่อเพิ่มความร้อนและทำให้รู้สึกชา
เป็นการบรรเทาอาการเจ็บคอไปด้วย
o
ชาตะวันตกใช้แบล็กเคอร์แรนต์ (black currant) บรรเทาอาการเจ็บคอ วิธีใช้คือ นำแบล็กเคอร์แรนต์ชนิดเข้มข้น เช่น ตรา Ribena
นำมาผสมกับน้ำร้อนให้เจือจาง แล้วค่อยๆ จิบช้าๆ
รักษาด้วยชา
o
ชาวตะวันตกใช้ชาที่ทำจากฮอร์ฮาวน์ (horehound)
ช่วยลดอาการบวมของเนื้อเยื่อในลำคอ
ชาสมุนไพรชนิดนี้ช่วยทำให้น้ำเสมหะใสและทำให้สามารถขับออกมาได้ง่ายขึ้น วิธีคือ
ใช้สมุนไพรแห้งสับละเอียด 2 ช้อนชา นำไปจุ่มชงน้ำเดือด 1 แก้ว ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นกรองกากออกแล้วดื่ม
o
สลิปเปอรีเอล์มก็มีสารมิวซิเลจ
(mucilage) ซึ่งเคลือบลำคอและบรรเทาอาการเจ็บคอ ใช้เปลือกด้านในของสลิปเปอรีเอล์ม
ชงในน้ำเดือด 2 แก้ว แล้วกรองกากออกก่อนดื่ม
o
รากมาร์ชแมลโล
(Althea
Officinalis) ก็มีมิวซิเลจเคลือบลำคอเช่นกัน
วิธีทำคือใช้สมุนไพรแห้ง 2 ช้อนชาใส่ลงในน้ำเดือด 1 แก้ว ทิ้งไว้ 10 นาที
จากนั้นกรองกากออกแล้วแต่น้ำดื่มวันละ 3-5 แก้ว
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
o
เสริมวิตามินซี 1,000 มก.
วันละ 3 ครั้ง ไม่ว่าอาการเจ็บคอจะเกิดจากเป็นหวัด
ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย
วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสีย
ดังนั้นหากกินแล้วมีอาการท้องเสีย ควรลดปริมาณ
o
ใช้เอคิเนเซีย
(Echinacea) ขนาดแคปซูลละ 200 มก. วันละ 4
ครั้ง สมุนไพรชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็นยาต้านแบคทีเรียและต้านเชื้อไวรัส
จึงช่วยให้หายป่วยเร็วขึ้น เมื่อซื้อเอคิเนเซียต้องดูว่าเป็นสารสกัดมาตรฐาน
o
ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งที่ต้านการติดเชื้อได้ดีคือกระเทียม
เพราะมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียและเป็นยาฆ่าเชื้อ ถ้าคุณไม่กินกระเทียมสดๆ
เพราะไม่ชอบกลิ่นของมัน คุณอาจกินในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยกินขนาด 600 มก. วันละ 4 ครั้ง พร้อมอาหาร และควรเลือกชนิดแคปซูลเคลือบด้วยจะได้ไม่ระคายเคืองระบบย่อยอาหาร
o
อมลูกอมธาตุสังกะสี 1 เม็ด ทุกๆ 3-4 ชั่วโมง จนกว่าอาการเจ็บคอหายไป
แต่ห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน
มีการศึกษาวิจัยหนึ่งพบว่าคนที่อมลูกอมที่มีธาตุสังกะสีอยู่ 13 มก. ทุกๆ 2 ชั่วโมง หายจากอาการเจ็บคอ เพราะติดเชื้อไวรัสได้เร็วกว่าคนที่ไม่ใช้วิธีนี้ถึง
3-4 วัน อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังคือ
การได้รับสังกะสีมากเกินไปอาจเป็นผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน
ดังนั้นคุณจึงใช้ลูกอมสังกะสีได้เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น
(ถ้าจะใช้ในระยะยาวควรได้รับวันละไม่เกิน 25 มก.)
เกิดจากน้ำย่อยไหลย้อนหรือเปล่า
สาเหตุของอาการเจ็บคอที่มักพบได้บ่อยๆ
คือเกิดจากน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาข้างบน
ซึ่งอาจเกิดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาตามหลอดอาหารในยามที่คุณหลับ
ทำให้รู้สึกแสบร้อนในลำคอ ถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ก็มีทางป้องกันได้
โดยนอนหนุนหมอนสูงเข้าไว้ ซึ่งอาจใช้หมอนหนังสือ หรือกล่องวางรองไว้ใต้หมอน
วิธีนี้จะช่วยให้น้ำย่อยไม่สามารถไหลย้อนขึ้นมาที่ลำคอได้
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารใกล้เวลาเข้านอนด้วย
ป้องกันไว้ก่อน
o
ในช่วงฤดูกาลที่คนมักเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่บ่อยๆ
ต้องระมัดระวังโดยการล้างมือบ่อยๆ อย่าสัมผัสตา
จมูก หรือปาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อหวัดหรือไข้หวัดใหญ่
o
ถ้านอนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศซึ่งอากาศมักจะแห้ง
คุณอาจเพิ่มความชื้นให้อากาศในห้องโดยใช้เครื่องทำความชื้น
การเพิ่มความชื้นในอากาศเป็นการป้องกันไม่ให้ในลำคอแห้งเกินไปซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อง่าย
o
ถ้าไม่มีเครื่องทำความชื้น
อาจใช้วิธีวางอ่างน้ำไว้ในด้านที่รับลมจากเครื่องปรับอากาศทุกคืนแทนก็ได้
o
ถ้าคุณสูบบุหรี่ ควรเลิกสูบจะดีกว่า
เพราะควันจากบุหรี่จะทำให้ภายในลำคอระคายเคืองอย่างมาก
o
พยายามหายใจทางจมูกแทนที่จะหายใจทางปาก
ถ้าหายใจทางปากจะทำให้สูญเสียความชื้นภายในลำคอไป
o
หากคุณมีอาการเจ็บคอบ่อยๆ
ควรพิจารณาซื้อแปรงสีฟันอันใหม่
บางครั้งแบคทีเรียที่สะสมอยู่ที่แปรงสีฟัน และถ้าคุณเหงือกเป็นแผลและแปรงฟัน
มันอาจเข้าไปในระบบและทำให้ติดเชื้อซ้ำ
o
เสริมระบบภูมิคุ้มกันของคุณให้ดีในช่วงที่โรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ระบาดโดยอาจใช้วิตามิน
สมุนไพร และโภชนาการที่ดี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เด่นในเรื่องนี้คือ วิตามินซี อี และแร่ธาตุอย่างสังกะสีและแมกนีเซียม
สมุนไพรกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ได้แก่ โกลเดนซีล (goldenseal)
อึ้งคี้ (ปักคี้)
นอกจากนี้ในกระเทียม ขิง เห็ดหอม และเห็ดหลินจือ ก็มีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
เมื่อใดควรพบแพทย์
โดยทั่วไปคุณสามารถดูแลตัวเองได้
และอาการมักดีขึ้นใน 1 วัน แต่ถ้ามีอาการกว่า 1 สัปดาห์ ก็ควรพบแพทย์ ถ้ามีอาการเจ็บคอพร้อมมีไข้ 38 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้นมา 3 วันแล้ว
หรือถ้ามีอาการปวดหู ก็ต้องพบแพทย์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ถ้ามีอาการกลืนน้ำลายลำบาก
อ้าปากไม่ได้ หรือเสียงแหบ หรือเสมหะข้น หรือมีเลือดปน ก็ต้องพบแพทย์