เมื่อคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้และทดลองวิธีบำบัดต่างๆ
ด้วยตนเอง คุณอาจนึกถึงตำรับยาและเคล็ดลับเก่าแก่ประจำตระกูล
ที่เคยใช้ได้ผลมานักต่อนัก แต่ปัจจุบันเราคุ้นเคยกับการตรวจเลือด การเอ๊กซเรย์
การใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ และวิทยาการสมัยใหม่ จนหลงลืมภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไป
ทั้งที่วิธีการเยียวยาเหล่านั้นได้รับการพิสูจน์มาแล้วจากคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าว่าใช้ได้ผลจริง
และยังใช้ได้ผลดีในปัจจุบัน เกร็ดและเคล็ดลับต่างๆ ที่เราได้รับตกทอดมา เช่น
การใช้ถุงชาประคบดวงตาที่เหนื่อยล้า หรือใช้น้ำเกลือบ้วนปากเพื่อรักษาแผลในปาก
ยังคงได้ผล แม้วิธีการเหล่านี้จะไม่สามารถใช้แทนการรักษาสมัยใหม่
แต่ก็สามารถบรรเทาอาการต่างๆ ให้หายเร็วขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้อาการเล็กๆ น้อยๆ
ลุกลามเป็นอาการที่ร้ายแรง
คุณจะรู้สึกยินดีเมื่อได้เห็นแผลไหม้อาการดีขึ้นมากหลังจากที่รักษาด้วยวุ้นจากว่านหางจระเข้
หรือเมื่อรู้สึกว่าความเครียดเลือนหายไปหลังสูดดมน้ำมันหอมกลิ่นลาเวนเดอร์
แน่นอนความพึงใจไม่ใช่เหตุผลที่แพทย์ยังใช้วิธีการบำบัดเหล่านี้ แต่เป็นเพราะวิธีการเหล่านี้ใช้ได้ผลจริงๆ
รู้หรือไม่ว่าร้อยละ
25 ของยาชนิดต่างๆ
ที่คุณใช้อยู่เป็นประจำในปัจจุบันมีสารออกฤทธิ์คล้ายหรือเหมือนกับสารที่พบในพืชหลากหลายชนิด
เป็นต้นว่า สารออกฤทธิ์ในแอสไพรินซึ่งเป็นยาที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลกนั้น
เดิมทีสกัดได้จากเปลือกต้นไวท์วิลโลว์ (white willow)
ส่วนสารเอฟีดรีน (ephedrine)
ที่ใช้ยาขยายหลอดลมนั้นได้จากต้นเอฟีดรา (ephedra)
ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นมาฮวงของจีน ส่วนดิจิตาลิส (digitalis) ซึ่งเป็นยากระตุ้นหัวใจนั้น ก็ได้มาจากต้นฟ็อกซ์โกลฟ (foxglove) และยาแพคลิแท็กเซล (paclitaxel)
ที่ใช้รักษามะเร็งก็ได้จากต้นยิวแปซิฟิก (yew tree)
ที่จริงแล้ว ปัจจุบันบริษัทยาใหญ่ๆ
มักส่งทีมนักวิทยาศาสตร์ไปยังพื้นที่ห่างไกลทั่วโลก
เพื่อตามล่าสารเคมีที่อาจใช้เป็นยาได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น