· โรคและอาการ
การหลงลืมเรื่องเล็กน้อย
เช่น ลืมว่าวางกุญแจไว้ที่ไหนหรือลืมชื่อคน ตัวการสำคัญคืออายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้นวิธีเก็บข้อมูลของสมองมีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดปัญหาในการจำ
นอกจากนี้ปัญหาทางกาย เช่น ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
ก็ส่งผลต่อความจำได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดันเลือดสูง
และยารักษาอาการวิตกกังวล โรคอัลไซเมอร์ก็ทำให้มีปัญหาเรื่องความจำเช่นกัน
แต่อาการจะร้ายแรงกว่าความจำเสื่อมทั่วไป
ใช้กลิ่นช่วย
o
เชื่อว่าการสูดดมน้ำมันหอมสกัดจากโรสแมรี (rosemary) หรือเบซิล (basil)
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองได้ มีการทดสอบคลื่นสมองแล้วพบว่า การสูดดมน้ำมันหอมกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งที่กล่าวมานี้ช่วยให้สมองผลิตคลื่นเบต้ามากขึ้น
ซึ่งหมายถึงการรับรู้ที่ชัดเจนกว่าเดิมด้วย เพียงแค่แตะน้ำมันหอมบนเส้นผม ข้อมือ
หรือเสื้อผ้าของคุณ
หรือเหยาะน้ำมันเล็กน้อยในเครื่องทำไอน้ำเพื่อให้กลิ่นลอยอวลในห้อง
พึ่งพากาแฟ
o
เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนจะช่วยเสริมสมาธิระยะสั้นและอาจให้ประโยชน์ระยะยาวด้วย
นักวิจัยที่คณะแพทย์ศาสตร์ในกรุงลิสบอน
ประเทศโปรตุเกสพบว่าผู้สูงอายุที่ดื่มกาแฟวันละ 3-4
ถ้วย มีแนวโน้มสูญเสียความจำน้อยกว่าผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 1
ถ้วยหรือน้อยกว่า
เพิ่มออกซิเจน
o
กินแปะก๊วยสกัดวันละ
120 มก. แปะก๊วยช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดสู่สมอง
เซลล์สมองจึงได้รับออกซิเจนไปใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่
ในเยอรมนีซึ่งมีหน่วยงานชื่อคณะกรรมาธิการ Commission E คอยศึกษาและรายงานประสิทธิภาพของสมุนไพรชนิดต่างๆ
นั้น
พบว่ามีการใช้แปะก๊วยสกัดเพื่อป้องกันการสูญเสียความจำและภาวะหลอดเลือดในสมองแตก/ตีบ
ถ้าคุณมีสุขภาพสมบูรณ์ คุณอาจไม่เห็นประโยชน์ของแปะก๊วยชัดเจน
แต่ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ สมุนไพรนี้อาจช่วยได้
o
อีกวิธีที่จะให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้นคือเคลื่อนไหวอยู่เสมอ
มีหลักฐานระบุว่าการออกกำลังกายอาจช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในสมองด้วย
การออกกำลังกายเป็นประจำโดยเฉพาะการเดินและปั่นจักรยานดีต่อสุขภาพและยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ
ซึ่งมีส่วนทำให้ความจำเสื่อมลม เช่น เบาหวาน หลอดเลือดในสมองแตก/ตีบ
ความดันเลือดสูง
รักษาระดับน้ำตาลในเลือด
o
การวิจัยใหม่ๆ
ได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างการที่ร่างกายไม่ดูดซึมกลูโคสและการสูญเสียความจำเนื่องจากอายุ
อาหารที่ถูกย่อยจนกลายเป็นกลูโคส เป็นแหล่งพลังงานของอวัยวะต่างๆ
ภายในร่างกายรวมทั้งสมอง
แต่คนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่เลยวัยหนุ่มสาวจะมีปัญหากับการลำเลียงกลูโคสจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์
มีการวิจัยพบว่าการที่ร่างกายไม่ดูดซึมกลูโคส (ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน)
อาจทำให้ความจำระยะสั้นลดลงในวัยกลางคนขึ้นไป ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการกินอาหารมื้อขนาดพอประมาณ
โดยเน้นธัญพืชเส้นใยสูงและผักมากกว่าอาหารประเภทแป้งขัดขาว
o
เน้นไขมันดี เช่น น้ำมันพืช ถั่วเปลือกแข้ง เมล็ดพืช อะโวคาโดและปลา
ซึ่งช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่อุดตันหลอดเลือด
o
ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำตาลในเลือด
กินอย่างฉลาด
o
สมองคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 85%
คุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
ภาวะขาดน้ำจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียซึ่งส่งผลต่อความจำได้
o
กินวิตามินบีให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ซึ่งได้แก่ วิตามินบี6 บี12
ไนอะซิน และไทอะมิน วิตามินเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อสมอง
และยังช่วยให้ร่างกายแปลงอาหารมาเป็นพลังความคิดความจำด้วย อาหารที่มีวิตามินบี6 สูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ปีก ไข่ นม และกล้วยหอม ส่วนธัญพืชต่างๆ เนื้อสัตว์
ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืช จมูกข้าวสาลี
และอาหารเช้าธัญพืชเสริมวิตามินก็มีวิตามินบีอยู่ครบถ้วน
o
เมื่อเพิ่มของดีแล้ว
ก็อย่าลืมลดของที่มีไขมันอิ่งตัวสูงด้วย
เพราะนอกจากจะทำให้หลอดเลือดหัวใจอุดตันแล้ว
ยังทำให้หลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมองอุดตันและสมองขาดออกซิเจนด้วย
สิ่งที่อันตรายพอๆ กับไขมันอิ่มตัวก็คือพวกกรดไขมันแปรสภาพ
ซึ่งมีในมาร์การีน และอาหารอบสำเร็จรูป เช่น บิสกิต เค้ก และของกินเล่นอื่นๆ
o
กินปลาสัปดาห์ละ
2-3
ครั้ง ปลาที่มีไขมัน เช่น แซลมอน แม็กเคอเรลเฮร์ริง และทูน่าสด
มีกรดไขมันโอเมก้า-3
ซึ่งช่วยทำให้เลือดไม่จับตัวเป็นก้อนลิ่มจนไปอุดหลอดเลือดหัวใจ
จึงดีต่อสมองของคุณเช่นกัน
เสริมวิตามิน
o
กินวิตามินรวมทุกวัน
โดยต้องมีกรดโฟลิกและวิตามินบี12
ครบถ้วนตามที่ร่างกายผู้ใหญ่ต้องการในแต่ละวัน
(ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับแต่ละวัน [DRI] สำหรับวิตามินบี12
คือ วันละ 2.4 ไมโครกรัม กรดโฟลิกวันละ 400
ไมโครกรัม) เพราะอาหารประจำวันไม่สามารถให้วิตามินเหล่านี้เพียงพอ
และการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจทำให้ความจำเสื่อมได้
ยิมนาสติกสมอง
การบริหารสมองดังวิธีต่อไปนี้
จะช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพความจำของคุณได้
o
เสริมความจำวิธีที่ 1
ถ้าต้องการเพิ่มวงจรใหม่ในสมอง
ใช้ “มือผิดข้าง” ทำกิจกรรมประจำวัน วันละหลายๆ ครั้ง เช่น
ถ้าปกติคุณแปรงฟันด้วยมือขวาก็เปลี่ยนมาใช้มือซ้าย
หรือถ้าคุณรูดซิปด้วยมือซ้ายก็เปลี่ยนมาใช้มือขวา
สมองจะรู้ว่าคุณใช้มือผิดข้างเนื่องจากข้อมูลทางประสาทและการเคลื่อนไหวที่ได้รับจากมือข้างนั้น
ความสับสนเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิดวงจรใหม่ในสมอง
เพราะสมองพยายามที่จะจัดการกับกิจกรรมใหม่ตามข้อมูลที่ได้มา
(ใช้วิธีน้ำกับกิจวัตรประจำวันที่ง่ายๆ และไม่มีอันตรายเท่านั้น
คุณคงไม่อยากใช้สว่านด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดหรอกนะ)
o
เสริมความจำวิธีที่ 2
เมื่อพยายามจำข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง
ให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่จะช่วยให้คุณจำได้ง่าย อาจเป็นวลี สูตร หรือคำคล้องจอง เช่น
ถ้าคุณอยากจำว่าพยัญชนะไทยตัวใดบ้างมี่เป็นอักษรกลาง (มี 9 ตัว คือ ก จ ด ต บ ป อ ฎ ฏ) คุณอาจจำเป็นวลีว่า “ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง
ฎ ฏ” ก็ได้ เทคนิคเดียวกันนี้สามารถใช้ในกรณีอื่นๆ ด้วย เช่น
การจำรายการสิ่งที่ต้องทำหรือของที่ต้องซื้อ
อีกวิธีคือให้คุณเขียนรายการไว้กันลืมเสียเลย
o
เสริมความจำวิธีที่ 3
เทคนิคช่วยจำอีกอย่างหนึ่งซึ่งใช้ได้ดีกับการจำสิ่งที่ต้องทำคือ
การผูกเป็นเรื่องสั้นๆ ยิ่งสนุกสนานเหลือเชื่อก็ยิ่งดี สมมติว่าวันนี้คุณต้องไปธนาคาร
ห้องสมุด ร้านขายเนื้อ และแวะบ้านเพื่อนที่ชื่อบ๊อบ เพื่อคืนหนังสือ
คุณอาจแต่งเรื่องว่า
“เจ้าบึ้กบ๊อบคนขายเนื้อใช้ปืนปล้นธนาคารแล้วหนีไปซ่อนตัวในห้องสมุด”
ขจัดปัญหาด้วยเสียง
o
ลองฟังดนตรีบ่อยๆ
หลายๆ แนว นักวิจัยพบว่าการฟังดนตรีทำให้สมาธิคุณดีขึ้นและช่วยให้คุณจำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไป
ดนตรีบางประเภททำให้เซลล์ประสาทในสมองมีปฏิกิริยาเร็วขึ้น จังหวะยิ่งเร็ว
สมองยิ่งตอบสนองมาก
ท้าทายสมองประลองความคิด
o
ถ้าคุณอยากกลับสมองจริงๆ
ละก็ ลองหัดเล่นเครื่องดนตรีสักชิ้นไม่ว่าจะเป็นกลองหรือเปียโน
การหัดเล่นจะช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว
และช่วยปรับความสามารถของสมองในการวิเคราะห์และเพ่งสมาธิให้ดีขึ้น
o
ให้สมองทำงานเรื่อยๆ
มีการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่าผู้ที่มีความสามารถทางการศึกษาและภาษามากที่สุดมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยที่สุด
ทว่าสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ปริมาณการเรียนรู้จากตำรับตำราสมัยที่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษา
แต่อยู่ที่ว่าคุณออกกำลังสมองมากน้อยแค่ไหน การเล่นปริศนาอักษรไขว้
เรียนรู้ภาษาที่สอง หรือเล่นสแครบเบิล
ล้วนช่วยบริหารสมอง
ควบคุมความเครียด
o
หาวิธีลดความเครียด
คนที่ตึงเครียดจะมีระดับฮอร์โมนความเครียดในตัวสูง นานๆ ไปฮอร์โมนเหล่านี้อาจส่งผลต่อสมองส่วนที่เรียกว่าฮิปโปแคมปัส
(hippocampus) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความจำ คุณไม่ถึงกับต้องทำสมาธิหรอก
แค่ทำอะไรที่ง่ายๆ และสนุกเพลิดเพลิน เช่น นอนไกวเปลญวณ
หรือเล่นวาดรูปด้วยปลายนิ้วมือกับลูกๆ หลานๆ ก็พอแล้ว
o
ลองกินโสมไซบีเรีย ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากผลของความเครียด
และอาจช่วยทำให้สมองตื่นตัวมากขึ้นด้วย กินโสมสกัดแบบทิงเจอร์ (อัตราส่วน 1:3
ในแอลกอฮอล์ 25%) 10-20
หยดผสมน้ำวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร หรือกินแบบแคปซูลขนาด 50 มก. พร้อมน้ำเปล่าวันละไม่เกิน 6 แคปซูล
อย่ากินเกินกว่าคราวละ 1 เดือน ทิ้งช่วงให้ร่างกายหยุดพักสัก
2 เดือนก่อนจะเริ่มกินใหม่
อาหารโปรดของช้าง
o
ใบบัวบกซึ่งเป็นพืชที่ช้างโปรดปรานถูกนำมาใช้ในการเพิ่มความเฉียบคมให้สมองนานนับพันปีแล้ว
มีการวิจัยบางชิ้นที่สนับสนุนการใช้สมุนไพรนี้ในการเสริมความจำ
อาจกินแบบแคปซูลขนาด 300 มก. ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้งพร้อมอาหาร
เมื่อใดควรพบแพทย์
ควรพบแพทย์ถ้ารู้สึกว่าความจำคุณแย่ลงไปมากในช่วง
6 เดือนที่ผ่านมา แต่ถ้าจำสิ่งที่เคยทำบ่อยๆ
ไม่ได้หรือจำไม่ได้ว่าจะไปยังที่ที่คุ้นเคยได้อย่างไร ควรพบแพทย์โดยด่วน
กรณีที่ลืมวิธีทำกิจกรรมใดก็ตามที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอน เช่น การทำอาหาร
ก็ควรพบแพทย์เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น